ดอกแก้ว |
ชื่ออื่นๆ : |
แก้วขาว แก้วขี้ไก่ แก้วพริก ตะไหลแก้ว จ๊าพริก |
ชื่อสามัญ : |
Adaman satinwood, Chinese box tree, Orange jasmine, Cosmetic bark tree |
ชื่อวิทยาศาสตร์ : |
Murraya paniculata (L.) Jack. |
วงศ์ : |
Rutaceae |
ถิ่นกำเนิด : |
จีน และแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ |
ลักษณะทั่วไป : |
ไม้พุ่มขนาดเล็ก มีการแตกกิ่งก้านสาขามาก หากไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่มจะมีทรงพุ่มค่อนข้างกลม |
ฤดูการออกดอก : |
ออกดอกตลอดปี (สามารถควบคุมการออกดอกได้โดยการควบคุมน้ำและใส่ปุ๋ยที่เหมาะสม) |
เวลาที่ดอกหอม : |
ดอกหอมตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน |
การขยายพันธุ์ : |
|
การตอน เป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพราะเป็นพันธุ์ไม้หอมที่ออกรากได้ง่ายใช้เวลาในการตอนประมาณ 21 - 35 วันแล้วแต่ฤดูกาล |
|
การเพาะเมล็ด ยังไม่มีการเก็บข้อมูล แต่พบต้นขนาดเล็กตามพื้นดินบริเวณต้นแก้วที่ติดผล แสดงว่าสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะเมล็ด |
|
ข้อดีของพันธุ์ไม้ : |
|
เป็นพันธุ์ไม้หอมที่ส่งกลิ่นหอมแรงสุดชนิดหนึ่ง |
|
สามารถปลูกในดินที่มีคุณสมบัติไม่ค่อยเหมาะกับการปลูกพืชทั่วไป เช่น ดินเค็ม มีธาตุอาหารในดินน้อย |
|
สามารถควบคุมการออดอกในช่วงเวลาที่เราต้องการได้ โดยการควบคุมน้ำและปุ๋ยที่ถูกต้อง |
|
ข้อแนะนำ : |
|
แก้วเป็นพันธุ์ไม้หอมที่ต้องการน้ำจำนวนมากในเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะแสดงอาการใบเหี่ยวให้เห็นทันที |
|
การปล่อยให้แก้วมีการเจริญเติบโตตามธรรมชาติโดยไม่มีการตัดแต่งทรงพุ่ม จะทำให้การออกดอกน้อยลง |
|
ข้อมูลอื่นๆ : |
|
ใบสดที่โตเต็มที่ มีรสปร่า หอม |
|
ขนาดและวิธีใช้ : |
ใช้ใบสด 15 ใบย่อย หรือน้ำหนัก 1 กรัม ตำพอแหลก ใส่ในเหล้าโรงประมาณ 2
ช้อนชา หรือ 8 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ 3 - 5 นาที นำน้ำยาทาบริเวณที่ฟันปวด |
สรรพคุณ : |
บรรเทาอาการปวดฟัน การที่ใบแก้วสด สามารถบรรเทาอาการปวดฟันได้ เนื่องจากมีน้ำมันหอมระเหยที่ออกฤทธิ์เป็นยาชา |
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น